การใช้เครื่องสำรองไฟฟ้า

5 เทคนิคการใช้เครื่องสำรองไฟฟ้า

     เครื่องสำรองไฟฟ้า คือ เครื่องที่ช่วยจ่ายพลังงานอย่างต่อเนื่อง ให้การทำงานของไฟฟ้าเป็นไปได้อย่างปกติ แม้ในยามที่ไฟดับหรือการทำงานของไฟฟ้ามีความผันผวน เช่น ไฟดับ ไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชากได้ ประโยชน์ของเครื่องสำรองไฟคือทำให้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง จึงช่วยถนอมการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ไม่เสี่ยงต่อความเสียหายหรือเกิดการลัดวงจร

วันนี้เรามี 5 เทคนิคการใช้เครื่องสำรองไฟฟ้า ( UPS: Uninterruptible Power Supply ) ที่ช่วยยืดอายุการใช้งาน

1. วิธีเลือกเครื่องสำรองไฟให้เหมาะกับการใช้งาน

     เครื่องสำรองไฟ หรือ UPS มี 3 แบบ ได้แก่ Standby UPS, Line Interactive และ True Online UPS ดังนั้นควรเลือกชนิดและจำนวนให้เหมาะสมกับการใช้งานเพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยหลักๆ แล้วต้องคำนึงถึงพลังงานและระยะเวลาที่ใช้งาน นอกจากนี้จะต้องพิจารณาอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่จำเป็นต่อการติดตั้งเครื่องสำรองไฟ เช่น ตู้ใส่แบตเตอรี่ (Battery Cabinets) เต้ารับ (Outlets) และอื่นๆ ร่วมด้วย โดยเทคนิคการเลือกใช้เครื่องสำรองไฟมีการพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้
  • ประเภทของอุปกรณ์ที่ต้องการป้องกัน ต้องดูรายละเอียดของอุปกรณ์ไฟฟ้าว่าใช้กำลังไฟฟ้าเท่าไร ถ้าหากเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือจอภาพ จะใช้พลังงานน้อยกว่า server ขนาดใหญ่ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ในระดับองค์กร ทั้งนี้อุปกรณ์บางอย่างที่มีแบตเตอรี่ในตัวเอง เช่น แล็ปท็อป (laptops) อาจจำเป็นต้องใช้ถ้าหากรับแหล่งพลังงานจากเต้ารับเมื่อมีการใช้งานแต่ละครั้งเป็นเวลานานหลายชั่วโมง
  • จำนวนอุปกรณ์ที่ต้องการสำรองพลังงาน เครื่องสำรองไฟบางแบบผลิตขึ้นเพื่อจ่ายไฟให้แค่คอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว และบางแบบสามารถตั้งค่าการจ่ายไฟให้กับศูนย์ข้อมูลทั้งหมดได้ ยิ่งคุณมีจำนวนอุปกรณ์ที่ต้องการป้องกันมากเท่าไร เครื่องสำรองไฟยิ่งต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วยมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอยู่ในพื้นที่หรือไม่ เครื่องสำรองไฟโดยทั่วไปไม่สามารถจ่ายไฟให้แก่อุปกรณ์เป็นเวลานานได้ เพียงแค่จ่ายไฟจนกว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะเริ่มทำงานและมีการไหลของกระแสไฟฟ้าอีกครั้ง
  • อุปกรณ์ที่ต้องการสำรองพลังงานอยู่ในบริเวณเดียวกันหรือไม่ ถ้ากระจายอยู่ทั่วทั้งอาคารหรือหลายที่ คุณจำเป็นต้องใช้เครื่องสำรองไฟหลายเครื่อง เพื่อป้องกันอุปกรณ์ได้ครอบคลุมทั้งหมด
  • ปริมาณพลังงานที่ต้องการสำรองไว้ หรือก็คือคุณต้องการใช้ระยะเวลานานแค่ไหนเพื่อให้อุปกรณ์ยังใช้งานต่อไปได้ก่อนจะปิดอุปกรณ์ ถ้าหากต้องการใช้ไฟสำรองเพื่อให้สามารถทำงานต่อไปได้อย่างปกติและต่อเนื่อง จะต้องใช้เครื่องสำรองไฟที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และใช้งานได้นาน แต่ถ้าต้องการใช้เพียงแค่ไม่กี่นาทีเพื่อให้สามารถปิดอุปกรณ์ได้อย่างปลอดภัย แบตเตอรี่ขนาดเล็กก็สามารถใช้งานได้เพียงพอแล้ว

2. เทคนิคการติดตั้งและต่อเครื่องสำรองไฟให้ถูกวิธี

     หลังจากได้เครื่องสำรองไฟที่เหมาะสมกับการใช้งานเรียบร้อยแล้ว ควรศึกษาคู่มือการใช้งานของเครื่องสำรองไฟที่ต้องการติดตั้งร่วมด้วย เนื่องจากเครื่องสำรองไฟแต่ละแบบอาจมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ทั้งนี้หากเลือกใช้งานเครื่องสำรองไฟขนาดใหญ่ คุณจำเป็นต้องให้ช่างไฟฟ้าผู้มีประสบการณ์เข้ามาติดตั้ง เนื่องจากไฟฟ้าแรงสูง แต่โดยทั่วไปแล้วสำหรับเครื่องสำรองไฟขนาดเล็ก จะมีวิธีต่อเครื่องสำรองไฟกับคอมพิวเตอร์ตามขั้นตอนต่างๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน ดังนี้

  • ติดตั้งเครื่องสำรองไฟบนพื้นที่เย็น แห้ง และสะอาด โดยหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีความร้อนสูง ความชื้นสูง มีฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกมาก
  • เชื่อมต่อสายชาร์จเข้ากับเครื่องสำรองไฟฟ้า สำหรับบางรุ่นอาจติดตั้งสายไฟฟ้ามาให้แล้ว
  • ชาร์จแบตเตอรี่เครื่องสำรองไฟเข้ากับไฟบ้านก่อนการใช้งาน ใช้ระยะเวลาเท่าไหร่นั้นจะขึ้นกับแต่ละรุ่นและยี่ห้อ
  • สังเกตด้านหลัง UPS จะมีช่องเต้ารับแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นและกำลังไฟฟ้า แต่โดยทั่วไปจะแบ่งเต้ารับเป็น 2 แบบ คือ เต้ารับสำหรับจ่ายไฟฟ้าสำรอง (Backup) และ เต้ารับสำหรับกันไฟฟ้ากระชาก (Surge Protect/Bypass)
  • เสียบปลั๊กเครื่องคอมพิวเตอร์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการสำรองไฟ ที่ช่องเต้ารับสำหรับจ่ายไฟฟ้าสำรอง
  • สำหรับเต้ารับกันไฟฟ้ากระชาก จะไม่สามารถใช้ไฟฟ้าสำรองได้จึงใช้เสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นต้องมีการสำรองไฟเมื่อไฟฟ้าดับกระทันหัน เช่น Printer

3. วิธีเปิด-ปิดเครื่องสำรองไฟ

     เครื่องสำรองไฟแต่ละรุ่นและยี่ห้อจะมีรายละเอียดของตัวเครื่องที่แตกต่างกัน บางเครื่องมีหน้าจอแสดงผล LCD ส่วนบางเครื่องแสดงสถานะผ่านแสงไฟสีต่างๆ รวมถึงสัญลักษณ์ด้านหน้าตัวเครื่อง หรือบางเครื่องอาจต้องกดสวิตช์(switch) ด้านหลังตัวเครื่องก่อนถึงจะกดเปิดได้ ดังนั้นควรอ่านข้อมูลการใช้งานเครื่องสำรองไฟที่คุณต้องการจะใช้งานก่อนทำการเปิดปิดเครื่อง ทั้งนี้จะมาแนะนำวิธีเปิดปิดเครื่องสำรองไฟโดยทั่วไปเพื่อให้เข้าใจแบบภาพรวม 

วิธีเปิด

  • เสียบปลั๊กเครื่องสำรองไฟเข้ากับเต้ารับไฟฟ้าที่มีสายดิน
  • สำหรับเครื่องที่มีสวิตช์อยู่ด้านหลังเครื่อง ให้กดสับสวิตช์เปิดเครื่อง
  • ไฟแสดงสถานะ Standby Mode ขึ้นด้านหน้าตัวเครื่อง หรือหน้าจอ LCD จะสว่างขึ้นและมีตัวหนังสือแสดงบนจอ
  • กดปุ่มเปิดเครื่องค้างเอาไว้ประมาณ 3-5 วินาที จนกระทั่งได้ยินเสียงดังขึ้น แล้วปล่อยมือทันที
  • รอสักครู่หนึ่ง ระบบต่างๆ ของเครื่องสำรองไฟจึงพร้อมใช้งานโดยสมบูรณ์
วิธีปิด
 
  • กดปุ่มปิดเครื่องค้างเอาไว้ประมาณ 3-5 วินาที จนกระทั่งได้ยินเสียงดังขึ้น แล้วปล่อยมือทันที
  • เครื่องสำรองไฟกลับเข้าสู่สถานะ Standby Mode
  • กดปิดสวิตช์ด้านหลังเครื่อง
  • จากนั้นถอดปลั๊กเครื่องสำรองไฟออกจากเต้ารับไฟฟ้า รอสักครู่หนึ่งเครื่องจะปิดลงเอง

4. Do & Don’t เทคนิคการใช้งานเครื่องสำรองไฟที่ถูกวิธี

     การทราบวิธีใช้เครื่องสำรองไฟและใช้งานได้อย่างถูกวิธี จะทำให้เครื่องทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและช่วยยืดอายุการใช้งานให้สามารถใช้ได้นานมากขึ้น โดยมีเทคนิคการใช้เครื่องสำรองไฟมาแนะนำกันสักเล็กน้อย ทั้งสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ

สิ่งที่ควรทำ

  • อ่านคู่มือการใช้งานให้เข้าใจเนื่องจากเครื่องแต่ละรุ่นมีรายละเอียดที่ต่างกัน และควรปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือ
  • ลงทะเบียนประกันเครื่องสำรองไฟให้เรียบร้อย เผื่อกรณีสูญหายหรือต้องการคำแนะนำด้านเทคนิค
  • จัดวางในบริเวณที่มีอากาศเย็นและสะอาด ควรอยู่ที่อุณหภูมิระหว่าง 20-25 องศาเซลเซียส
  • ตรวจสอบกำลังไฟฟ้าของอุปกรณ์ก่อนนำมาเสียบต่อกับเครื่องสำรองไฟ ต้องไม่เกินกำลังของเครื่องสำรองไฟ ไม่เช่นนั้นเครื่องจะเสีย
  • ต่อสายให้ถูกช่อง ทั้งช่องเต้ารับสำหรับจ่ายไฟฟ้าสำรองและเต้ารับสำหรับกันไฟฟ้ากระชาก
  • ควรปิดเครื่องสำรองไฟทุกครั้งหลังจากใช้งานเสร็จ
  • ตรวจสอบแบตเตอรี่เครื่องสำรองไฟให้แน่ใจว่าชาร์จจนเต็มเสมอ
  • ทดสอบสภาพแบตเตอรี่เดือนละครั้ง โดยทำการถอดปลั๊กเครื่องสำรองไฟออกจากแหล่งจ่ายไฟ แล้วดูว่าเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ยังเปิดอยู่หรือไม่ และยังเป็นการกระตุ้นแบตเตอรี่อีกด้วย
  • ถ้าหากแบตเตอรี่หมด ต้องรีบชาร์จภายใน 72 ชั่วโมง
  • ตรวจสอบสายไฟอย่างสม่ำเสมอ ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เนื่องจากอาจเกิดความเสียหายจากหนูมากัดแทะ
  • หมั่นปัดฝุ่นทำความสะอาดตัวเครื่อง ช่องระบายอากาศ และดูแลให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม อากาศไหลเวียนถ่ายเทสะดวก
  • ถ้าหากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีความสำคัญต่อการใช้งาน ควรติดตั้งระบบแจ้งเตือนเกี่ยวกับพลังงานของระบบเครื่องสำรองไฟเอาไว้ด้วย เช่น ติดตั้งไฟ LED จอ LCD หรือในบางรุ่นมีระบบแจ้งเตือนด้วยเสียง เพื่อแสดงสถานะของเครื่องสำรองไฟ ในกรณีแบตเตอรี่ต่ำ หรือใช้กำลังไฟฟ้าเกินกว่าที่เครื่องจะรับได้

สิ่งที่ไม่ควรทำ 

  • ไม่ทำการซ่อมแซม แก้ไข หรือดัดแปลงเครื่องสำรองไฟด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้เสียหายหนักกว่าเดิมจนใช้งานต่อไปไม่ได้
  • ไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่หมด
  • ไม่ใช้ต่อพ่วงกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟเกินกว่าที่เครื่องสำรองไฟกำหนดไว้
  • ไม่วางเครื่องบริเวณที่แดดส่องถึงโดยตรง มีอุณหภูมิสูง อับชื้น หรืออากาศไม่ถ่ายเท
  • ไม่วางไว้ในที่มีฝุ่นสกปรก เพราะฝุ่นจะเข้าเกาะที่แผงวงจร หรือแผงป้องกันความร้อนทำให้ระบายความร้อนได้ไม่ดี
  • ไม่ใช้งานกับอุปกรณ์ไฟฟ้าบางประเภท โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภททำความร้อน เพราะแบตเตอรี่ต้องจ่ายไฟฟ้าสูง เช่น เครื่องทำความร้อน และกาต้มน้ำร้อน

5. เทคนิคการชาร์จเครื่องสำรองไฟ

     ในการใช้งานเครื่องสำรองไฟครั้งแรก ก่อนจะนำเครื่องสำรองไฟมาใช้งานกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการ เครื่องสำรองไฟบางรุ่นจำเป็นจะต้องชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มเสียก่อน โดยวิธีชาร์จเครื่องสำรองไฟแต่ละยี่ห้อและแต่ละรุ่นจะใช้ระยะเวลาชาร์จให้เต็มไม่เท่ากัน และมีรายละเอียดในการชาร์จที่ต่างกัน จึงต้องอ่านคู่มือการใช้งานเครื่องรุ่นนั้นๆ ประกอบด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะต้องชาร์จอย่างน้อย 5 ชั่วโมง ถึงนำเครื่องมาใช้งานได้

  • ก่อนทำการชาร์จ ให้เชื่อมต่อสายชาร์จเข้ากับเครื่องสำรองไฟ แต่ในเครื่องบางรุ่นอาจติดตั้งสายไฟฟ้ามาให้แล้ว จึงไม่ต้องต่อสายเพิ่มเติม
  • อย่าเพิ่งเสียบปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าใดๆ เข้ากับเครื่องสำรองไฟ
  • เสียบปลั๊กเครื่องสำรองไฟฟ้ากับเต้ารับไฟฟ้าที่มีสายดิน ซึ่งเป็นเต้ารับแบบติดผนัง ไม่ควรต่อผ่านปลั๊กพ่วง
  • จากนั้นเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการสำรองไฟ ที่ช่องเต้ารับด้านหลังเครื่องให้ถูกช่อง
  • กดปุ่มเปิดเครื่อง และชาร์จทิ้งไว้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ของเครื่องแต่ละรุ่น หรือเครื่องบางรุ่นอาจไม่จำเป็นต้องชาร์จทิ้งไว้ก็ได้

     เทคนิคการใช้เครื่องสำรองไฟ การใช้เครื่องสำรองไฟให้ถูกต้อง เป็นส่วนในการยืดอายุการใช้งานและช่วยให้เครื่องสำรองไฟใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก่อนการใช้อ่านคู่มือการใช้งานให้เข้าใจก่อนใช้งานจริง ควรจัดวางเครื่องสำรองไฟในบริเวณที่มีอากาศเย็น สะอาด ไม่อับชื้น อีกทั้งควรทดสอบสภาพแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ และไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่หมด ไม่เช่นนั้นจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว หากมีปัญหาการใช้งานแล้วแก้ปัญหาเบื้องต้นตามคู่มือไม่สำเร็จ ต้องไม่ซ่อมแซม แก้ไข หรือดัดแปลงเครื่องสำรองไฟด้วยตัวเอง ควรติดต่อศูนย์บริการของเครื่องรุ่นนั้นๆ หรือช่างผู้มีประสบการณ์

 

เพิ่มเพื่อน - ติดต่อสอบถาม
 Line : @FACTORIPRO

Visitors: 17,708