โรงงานอุตสาหกรรมไทย ทยอยปิดตัว บ่งบอกกอะไร

โรงงานอุตสาหกรรมไทย ทยอยปิดตัว บ่งบอกกอะไร

Thai industrial factories are gradually closing down.

KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงิน เกียรตินาคินภัทร เผยภาคอุตสาหกรรมไทยในปัจจุบันอยู่ในภาวะที่อ่อนแอ สะท้อนจากทั้งดัชนีการผลิตที่หดตัวลงติดต่อกันเกินกว่า 1 ปี ยอดปิดโรงงานที่เพิ่มขึ้น และหนี้เสียในภาคการผลิตที่กำลังเร่งตัว จับตาแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง โดยได้ข้อสรุป ดังนี้
(1.)ดัชนีการผลิต ติดลบต่อเนื่องกว่า 1 ปี
(2.)ไม่ใช่แค่โรงงานปิด แต่โรงงานเปิดใหม่ก็ลดลง
(3.)การผลิตอุตสาหกรรมหดตัว กดดันโรงงานปิดตัว
(4.)โรงงานใหญ่ปิดตัว โรงงานเล็กเปิดแทน
(5.)หนี้เสียในภาคอุตสาหกรรมกำลังเพิ่มขึ้น
(6.)ดัชนีเศรษฐกิจแบบเดิม อาจจับชีพจรภาคอุตสาหกรรมไทยไม่ได้ทั้งหมด

โรงงานผลิตทยอยปิดตัว อุตสาหกรรมไทยจะไปทางไหน ?

     KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงิน เกียรตินาคินภัทร เผยภาคอุตสาหกรรมไทยในปัจจุบันอยู่ในภาวะที่อ่อนแอ สะท้อนจากทั้งดัชนีการผลิตที่หดตัวลงติดต่อกันเกินกว่า 1 ปี ยอดปิดโรงงานที่เพิ่มขึ้น และหนี้เสียในภาคการผลิตที่กำลังเร่งตัว จับตาแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง

* ดัชนีการผลิต ติดลบต่อเนื่องกว่า 1 ปี

     KKP Research ระบุว่า ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงที่เป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนักของเศรษฐกิจไทย คือ การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่วัดจากดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม (MPI) ที่ได้จากการสำรวจผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทย เผยแพร่โดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม พบมีการหดตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนธ.ค. 65 จนถึงเดือนมี.ค. 67 หรือต่อเนื่องกันกว่า 1 ปี 3 เดือน ซึ่งนับเป็นการโตติดลบติดต่อกันที่ยาวนานมากที่สุดครั้งหนึ่ง แม้ว่าวัฏจักรการค้าโลกจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปี 66 แล้วก็ตาม

     ทั้งนี้ มีสัญญาณถัดมาที่น่ากังวลกว่านั้น คือข้อมูลการปิดโรงงานในภาคอุตสาหกรรมที่เร่งตัวขึ้นชัดเจน ตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 66 โดยค่าเฉลี่ยการปิดโรงงานของไทยอยู่ที่ 57 โรงงาน/เดือนในปี 64 และ 83 โรงงาน/เดือนในปี 65 ในขณะที่พุ่งสูงขึ้นถึง 159 โรงงาน/เดือนในช่วงครึ่งหลังของปี 66 ส่งผลให้หากนับรวมตั้งแต่ต้นปี 66 มาจนถึงไตรมาสแรกของปี 67 มีโรงงานปิดตัวลงไปแล้วกว่า 1,700 แห่ง กระทบการจ้างงานกว่า 42,000 ตำแหน่ง

* ไม่ใช่แค่โรงงานปิด แต่โรงงานเปิดใหม่ก็ลดลง

     KKP Research มองว่า การปิดตัวของโรงงานเพียงอย่างเดียว อาจไม่สะท้อนภาพทั้งหมด แต่ตัวเลขการเปิดตัวโรงงานใหม่ที่ลดลงกว่าในอดีต ยังย้ำให้เห็นถึงสถานการณ์ในภาคอุตสาหกรรมไทยที่ไม่ดีนัก เพราะการเปิดโรงงานใหม่มีทิศทางที่ชะลอตัวลงเช่นกัน จึงทำให้ยอดการเปิดโรงงานสุทธิ (จำนวนโรงงานเปิดหักลบด้วยโรงงานปิด) ในภาพรวมชะลอตัวลงอย่างมาก จากค่าเฉลี่ยที่เป็นบวกสุทธิประมาณ 150 โรงงาน/เดือน ลดลงเหลือเพียง 50 โรงงาน/เดือน

* การผลิตอุตสาหกรรมหดตัว กดดันโรงงานปิดตัว

     สถานการณ์การเปิด และปิดตัวของโรงงานอุตสาหกรรม ยังมีความแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละกลุ่ม สอดคล้องกับการเติบโตของดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีความแตกต่างกัน โดยอุตสาหกรรมที่มีการปิดตัวโรงงานเร่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เป็นกลุ่มเดียวกันกับอุตสาหกรรมที่ดัชนีการผลิตมีการหดตัวลง

     โดยสะท้อนว่า การพิจารณาภาคการผลิตในภาพรวม อาจไม่สะท้อนสถานการณ์ของบางกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่กว่าค่าเฉลี่ย โดยอุตสาหกรรมที่มีทิศทางน่ากังวล เนื่องจากมีการหดตัวของการผลิตและโรงงานปิดตัวเพิ่มขึ้นมาก คือกลุ่มการผลิตเครื่องหนัง การผลิตยาง อุตสาหกรรมการเกษตร อุตสาหกรรมไม้ และการผลิตเครื่องจักร

* โรงงานใหญ่ปิดตัว โรงงานเล็กเปิดแทน

      ในมิติของขนาด และพื้นที่ของโรงงาน การปิดตัวของโรงงานอุตสาหกรรมในช่วงที่ผ่านมา พบว่า กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มโรงงานขนาดใหญ่เป็นหลัก ในขณะที่โรงงานเปิดใหม่ส่วนใหญ่เป็นโรงงานขนาดเล็ก สะท้อนว่าปัญหาการผลิตที่ชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้เกิดจากปัจจัยเฉพาะของกิจการเอง เนื่องจากโรงงานขนาดเล็กมีแนวโน้มที่จะเปราะบางกว่าโรงงานขนาดใหญ่ จากสถานะทางการเงินที่มีแนวโน้มอ่อนแอกว่าบริษัทใหญ่ การปิดตัวที่เกิดขึ้นจากโรงงานขนาดใหญ่เป็นหลัก เป็นภาพสะท้อนว่าปัญหาการปิดตัวโรงงานเกิดจากปัจจัยเชิงโครงสร้างในภาพใหญ่ ที่กระทบกับอุตสาหกรรมทั้งอุตสาหกรร

* หนี้เสียในภาคอุตสาหกรรมกำลังเพิ่มขึ้น

     KKP Research ระบุว่า ข้อมูลอีกหนึ่งชุดที่ตอกย้ำความน่ากังวลของสถานการณ์ในภาคอุตสาหกรรม คือการเพิ่มขึ้นของหนี้เสียในภาคการผลิต ที่มีสัญญาณเร่งตัวขึ้นอย่างชัดเจน และสะท้อนปัญหาที่รุนแรงในภาคอุตสาหกรรมไทย มากกว่าเป็นการชะลอตัวชั่วคราว ซึ่งนำไปสู่ความจำเป็นต้องปิดโรงงาน และกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้

     โดย KKP Research พบความสัมพันธ์ระหว่างอุตสาหกรรมที่มีการปิดตัวของโรงงานสูง กับอุตสาหกรรมที่หนี้เสียปรับตัวสูงขึ้น โดยโรงงานกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการปิดตัวมากกว่า มีแนวโน้มที่การเพิ่มขึ้นของหนี้เสียสูงกว่าด้วย

* ดัชนีเศรษฐกิจแบบเดิม อาจจับชีพจรภาคอุตสาหกรรมไทยไม่ได้ทั้งหมด

     ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญอยู่ การติดตามแนวโน้มของภาคอุตสาหกรรมไทย จำเป็นต้องทำความเข้าใจถึงสาเหตุ และที่มาที่ไปที่ทำให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวลงไป โดยปัญหาการหดตัวของหลายหมวดการผลิตในสินค้าไทยไม่ได้เกิดจากเฉพาะปัจจัยชั่วคราวด้านอุปสงค์ หรือตามวัฏจักรเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย

     ดังนั้น แม้ว่าในอดีตการผลิตของไทย และโลกจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่สอดคล้องกันมาโดยตลอด แต่ในช่วงที่ผ่านมา จะสังเกตเห็นว่า การผลิตของภาคอุตสาหกรรมไทย เริ่มมีทิศทางที่ไม่สอดคล้องกับการผลิตของประเทศอุตสาหกรรมหลักในภูมิภาค และการผลิตของโลก ภาวะการค้าโลกที่ฟื้นตัวในระยะต่อไป จึงไม่ได้หมายความว่าภาคการผลิตไทยจะฟื้นตัวได้ดีเสมอไป
 
โดย KKP Research แบ่งหมวดสินค้าในภาคการผลิตไทยเป็น 3 กลุ่ม คือ
1. การผลิตที่ยังเคลื่อนไหวตามวัฏจักรปกติ เป็นกลุ่มสินค้าที่ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นได้หากอุปสงค์กลับมาเติบโตขึ้น ซึ่งคิดเป็นประมาณ 47% ของมูลค่าการผลิตทั้งหมด
2. การผลิตที่ปรับตัวลดลงตามสินค้าคงคลังที่สูง กลุ่มอุตสาหกรรมที่ในช่วงที่ผ่านมา มีระดับสินค้าคงคลังที่สูงกว่าปกติมาก และอาจกลับมาปรับตัวดีขึ้นได้บ้าง เมื่อสินค้าคงคลังเริ่มปรับตัวลดลง
3. การผลิตที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง เช่น การผลิต Hard Disk Drive ที่ถูกทดแทนด้วย Solid State Drive ซึ่งส่งผลกระทบให้การผลิต HDD หดตัวต่อเนื่องมานาน หรือการผลิตเหล็กที่ถูกทดแทนด้วยการแข่งขันจากสินค้าจีน KKP ประเมินว่า สินค้ากลุ่มนี้คิดเป็นกว่า 35% ของมูลค่าเพิ่มในภาคการผลิตทั้งหมด
 
ความท้าทายเพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมไทยไปทางไหนต่อ
     จากข้อมูลการเปิด-ปิดโรงงานของอุตสาหกรรมไทยในมุมมองของ KKP Research นับเป็นภาพสะท้อนและผลลัพธ์ของการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมที่พึ่งพามูลค่าเพิ่มจากภาคอุตสาหกรรมกว่า 35% ของมูลค่าเศรษฐกิจ โดยตั้งแต่หลังช่วงโควิดมา กลับกลายเป็นภาคบริการที่ขยายตัวได้ดีในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมหดตัวลงต่อเนื่อง
     ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าข้อมูลเดือนล่าสุดของการผลิตภาคอุตสาหกรรมไทย จะกลับมาเป็นบวกในรอบมากกว่า 1 ปี และหลายฝ่ายยังหวังว่าจากภาวะเศรษฐกิจ และการค้าโลกที่ปรับดีขึ้น จะกลับมาช่วยภาคอุตสาหกรรมไทยกลับมาขยายตัวได้ อย่างไรก็ตาม KKP Research กลับมีความกังวลเพิ่มขึ้นอย่างมาก ต่อสถานการณ์อุตสาหกรรมไทยในระยะยาว ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

     การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในบางกลุ่มสินค้าหลัก เช่น การเปลี่ยนจากรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นรถยนต์ EV โดยในช่วงที่ผ่านมา มีการส่งออกรถยนต์ EV ราคาถูกจากจีนมายังไทย และส่งผลกระทบอย่างมากต่อทั้งยอดขาย และราคารถยนต์ ICE ในไทย หรือการเปลี่ยนจากการใช้ HDD เป็น SSD ซึ่งจะรุนแรงมากขึ้นต่อเนื่องในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อราคา EV และ SSD มีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ทำให้เข้ามาทดแทนเทคโนโลยีเก่าได้เร็วและกว้างขึ้น

     การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากสินค้าจีน โดยในปัจจุบันไทยขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่เพียงแต่เฉพาะสินค้าในกลุ่มยานยนต์ที่เข้ามายังไทย แต่ไทยมีการนำเข้าจากจีนในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในหลายกลุ่มสินค้าเมื่อเทียบกับการนำเข้าทั้งหมด รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีต้นทุนต่ำกว่าสินค้าที่ผลิตในไทย

     มาตรการกีดกันการค้าระหว่างประเทศ ที่มีแนวโน้มทวีความเข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งในกรณีที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง มีแนวโน้มที่จะมีมาตรการกีดกันทางการค้าจากจีนและโลกเพิ่มเติม ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงทำให้การค้าโลกในภาพรวมชะลอตัวลง และมีโอกาสที่สินค้าจากจีนจะทะลักมายัง ASEAN รวมถึงไทยเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการระบายสินค้าของจีนไปยังตลาดส่งออกอื่น

     KKP Research มองว่า ผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมไทย กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น และเริ่มลุกลามมาสู่อุตสาหกรรมที่เคยเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทย ที่เห็นได้ชัด คือ อุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเริ่มมีค่ายรถยนต์อย่าง Suzuki ยุติการผลิตในประเทศไทยตามยอดขายที่ลดต่ำลง เหมือนกับที่ KKP Research เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้

     ในช่วงหลังจากนี้ KKP Research ประเมินว่า การเร่งดำเนินนโยบายเพื่อช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม และปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเป็นสิ่งที่ยังจำเป็นต้องทำ ควบคู่ไปกับการหาเครื่องยนต์ใหม่มาทดแทนเครื่องยนต์เดิมของเศรษฐกิจที่หายไป มิเช่นนั้น คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเห็นเศรษฐกิจไทยมีศักยภาพการเติบโตต่ำลงไปเรื่อย ๆ
 
      >> จบไปแล้วกับบทความวันนี้ หวังว่าทุกคนจะได้ความรู้ไม่มาก็น้อย และอย่าลืมติดตาม FactoriPro กันด้วยนะครับ
สามารถติดตามพวกเราได้หรือเยี่ยมชมและรับข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่
Facebook : FACTORIPRO
 
 
เพิ่มเพื่อน - ติดต่อสอบถาม
 Line : @FACTORIPRO
 
ไลน์ Line FactoriPro
Visitors: 7,872