เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมปี 2023
5 เทคโนโลยีน่าจับตามองในอุตสาหกรรม ปี 2023
การเข้ามาของเทคโนโลยีต่าง ๆ ในอุตสาหกรรม ทำให้ภาคอุตสาหกรรมมีต้นทุนที่ลดลงอย่างมหาศาล ทำให้สามารถพัฒนาการผลิต หรือสินค้าของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเรากำลังเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 5.0 ซึ่งเทคโนโลยีมีผลมากทั้งในด้านอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน ซึ่งวันนี้มี 5 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองในโรงงานอุตสาหกรรมของเรา ดังนี้
1. Artificial Intelligence (AI) , Machine Learning (ML) และ Big Data
เทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) และ Machine Learning (ML) ยังคงมีการพัฒนาและนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจริงๆแล้ว AI และ Machine Learning ไม่ใช่หุ่นยนต์ หรือสัตว์ประหลาดแต่อย่างใด แต่จริงๆคือ “การวิเคราะห์ข้อมูล” ปริมาณมากเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด คล้ายๆกับเราเอาข้อมูลปริมาณมากๆ (Big data) ไปป้อนหรือไปสอน ให้โปรแกรม เครื่องมือ เครื่องจักร ไปเรียนรู้ หลังจากนั้นเค้าจะบอก The best solution ผ่าน model ต่างๆในการให้คำตอบของเรา
ยกตัวอย่าง พวก Sensor ตรวจสอบการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมที่เอาข้อมูลภาพต่างๆมาเรียนรู้และคอยตรวจสอบสินค้าให้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่พูดมาจะสื่อว่า AI
2. Internet of Things (IoT)
เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) หรือ “อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง” คือ การที่สิ่งต่างๆ ถูกเชื่อมโยง เชื่อมต่อ ทุกสิ่งทุกอย่างเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ต ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งการ ควบคุมเฝ้าดู การใช้งานอุปกรณ์, เครื่องจักรต่างๆ ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้
แล้วในเมื่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ทุกวันนี้ก็สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้แล้วมันจะเป็นเทคโนโลยีใหม่ได้อย่างไร ถ้าจะอธิบาย IoT ให้เข้าใจง่าย คือ การที่อุปกรณ์ทุกอย่างมีการเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน มีสื่อสารพูดคุยกัยระหว่างอุปกรณ์กันและสามารถทำงานร่วมกันได้เลยโดยที่ตัวคนใช้ หรือ มนุษย์อย่างเราๆ แทบจะไม่ต้องไปยุ่งกับ อุปกรณ์เหล่านั้นเลย
ยกตัวอย่าง อุปกรณ์ IoT บนสมาร์ทโฟนจะสามารถสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ทีวี แอร์ ประตูไฟฟ้าอัตโนมัติ ในบ้านของ ให้เปิด-ปิด และทำงาน โดยแค่เราเดินเข้าบ้านมาโดยไม่ต้องยกมือถือขึ้นมาจิ้มซักครั้งเดียว
3. เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain)
บล็อกเชน (Blockchain) ไม่ใช่ เงินดิจิตอลคริปโต (Crypo Currency) และระบบนี้มีการใช้ในหลายๆบริษัท และหลายๆกระบวนการแล้วด้วยระบบ บล็อกเชน หรือ Blockchain เป็น “เทคโนโลยีที่ใช้ในการบันทึกและยืนยันข้อมูลที่มีความปลอดภัยและโปร่งใส” พูดง่ายๆ คือ ทุกคนสามารถมองเห็นได้หมด และเข้าไปแก้ไขแทบไม่ได้เลย เลยมีคนนำไปสร้างเป็นระบบการเงินไร้ตัวกลางอย่าง เงินคริปโต
โดยรายละเอียดมีลักษณะ “เป็นรายการข้อมูลที่ถูกเขียนต่อท้ายกันแบบกำหนดเงื่อนไขเฉพาะ” และ “เมื่อถูกเขียนแล้ว ไม่สามารถแก้ไขหรือลบได้” โดยข้อมูลที่ถูกบันทึกในบล็อกเชนจะถูกเก็บไว้ในรูปแบบบล็อกที่เชื่อมต่อกันเป็นเครื่องหมาย (hash) ซึ่งทำให้ข้อมูลในบล็อกแต่ละบล็อกมีความสัมพันธ์กับบล็อกก่อนหน้า
Block Chain สามารถใช้ในการทำธุรกรรมและการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างฝ่ายเกี่ยวข้องโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านกลางใด ๆ เช่น ธนาคาร หรือสำนักงานกลาง ซึ่งทำให้เกิดความปลอดภัยและโทรมาตรฐานในการทำธุรกรรม บล็อกเชนกำลังเริ่มใช้งานอย่างแพร่หลายในหลายสาขาอุตสาหกรรม เช่น การเงินและการซื้อขายสินทรัพย์ (มีใช้เยอะมาก และลดการคอรัปชั่นได้เยอะมาก), ธุรกิจการส่งสินค้า, การเชื่อมต่ออุปกรณ์อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT), และสำนักงานราชการและบริการอื่น ๆ
4. เทคโนโลยี Extended Reality (XR)
เทคโนโลยี Extended Reality หรือเรียกสั้นๆว่า XR เป็นคำทั่วไปที่ใช้ในการพูดถึงการรวมกันของเทคโนโลยีเสมือนจริง Virtual Reality, VR กับ Augmented Reality, AR ซึ่งกลายมาเป็น Mixed Reality, MR เพื่อ “สร้างประสบการณ์ที่รวมระหว่างโลกความเป็นจริงและโลกเสมือน ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสิ่งต่าง ๆ ในโลกเสมือนอย่างที่คุณสมบัติเพิ่มเติมได้
– โลกเสมือนจริง (Virtual Reality ,VR)
เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่จำลองโลกเสมือนจริงที่ผู้ใช้สามารถพลตาสมความเป็นจริงในสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นได้ โดยมักใช้หน้าจอหรือแว่นตา VR เพื่อสร้างประสบการณ์ที่มีความเข้ากับการเคลื่อนไหวและปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่าง ๆ ในโลกเสมือน
– เสริมเติมเสริม (Augmented Reality ,AR)
เป็นการเพิ่มเติมข้อมูลและภาพกราฟิกเสริมลงในโลกความเป็นจริง ทำให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในสภาพแวดล้อมที่จริงพร้อมกับข้อมูลเสริมที่ปรากฏบนหน้าจอ แอปพลิเคชันพกพาบนสมาร์ทโฟนหรือแว่นตา AR สามารถใช้ในการพรางภาพ 3D, แสดงข้อมูลทางเทคนิคหรือข้อมูลสถานที่และวัตถุที่ติดตั้งรหัส QR เป็นต้น ซึ่งในอุตสาหกรรมก็มีใช้หลายด้าน ยกตัวอย่างในการสร้างภาพเสมือน หรือจำลองโรงงาน ผ่านโปรแกรม 3D Cad ต่างๆ
5. นวัตกรรม Quantum Computing
เป็นเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์ที่ใช้ “หลักการของกฎควอนตัม” (Quantum Theoty) เพื่อดำเนินการคำนวณและแก้ปัญหาที่ซับซ้อนอย่างรวดเร็วมากขึ้นอย่ามหาศาลเลยครับ ซึ่งโดยปกติในคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งานกันแบบดิจิตอลทั่วไป จะใช้หลักการของบิต (bit) ซึ่งมีสถานะเป็น 0 หรือ 1 ในเวลาใดเวลาหนึ่ง
แต่ใน “คอมพิวเตอร์ควอนตัม” เทคโนโลยีใช้หลักการของ “ควอนตัมบิต (qubit)” ที่สามารถอยู่ในสถานะซึ่งเป็นค่าเป็นศูนย์และหนึ่งพร้อมกัน และยังมีคุณสมบัติทางควอนตัมเช่น การกระทำเอนไทง์เกต (Entanglement) และการการ์ฟิน (Superposition) ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ควอนตัมสามารถดำเนินการคำนวณพร้อมกันได้อย่างมหาศาล (ทำให้การคำนวณ ประมวลผลต่างๆ ไวขึ้นกว่าเดิมมากๆ) ซึ่งสามารถเอาใช้ประโยชน์ในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน เช่น การสร้างรหัสแฟ้มคริปโต (Cryptography) หรือการจำลองวัสดุ (Material Simulation) ในงานวิศวกรรม ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ควอนตัมยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและการวิจัยอย่างต่อเนื่อง และยังมีความเป็นไปได้ที่จะ “เปลี่ยนแปลงวิธีการคำนวณและให้ความสามารถในการแก้ปัญหา ที่ปัญหาไม่สามารถทำได้มาก่อน ” ด้วยคอมพิวเตอร์ปัจจุบัน
และนี้เป็นเพียงแค่ 5 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองในปี 2023 เพียงเท่านั้น ในอนาคตอาจจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเพื่อตอบโจทย์แก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ หรือพัฒนาอุปกรณ์เครื่องจักรให้ดีขึ้น ต้องติดตามว่าต่อไปในอนาคตจะมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจเกิดขึ้นอีกหรือไม่??
เพิ่มเพื่อน - ติดต่อสอบถาม
Line : @FACTORIPRO