น้ำมัน EURO 5 คืออะไร

น้ำมัน EURO 5 คืออะไร

สำหรับน้ำมันยูโร 5

สำหรับน้ำมันยูโร 5 คือ มาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิงที่กำหนดโดยกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป เพื่อวางกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในการใช้เชื้อเพลิงในภาคขนส่ง โดยกลุ่มประเทศยุโรปจะมีกฎระเบียบกำหนดมาตรฐานไอเสียรถยนต์ไม่ให้มลพิษเกินเกณฑ์มาตรฐานไล่มาตั้งแต่ EURO 1, EURO 2, EURO 3, EURO 4, EURO 5 และ EURO 6

น้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐาน EURO 5 คือน้ำมันเชื้อเพลิงสะอาดที่มีกำมะถันต่ำกว่า 10 ppm สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซไฮโดรคาร์บอนและออกไซด์ของไนโตรเจน นอกจากตัวสารกำมะถันแล้ว ไพลีโซคลิก อะโรมาติก ไฮโดคาร์บอนจะมีการปรับให้ลดจาก 11% เหลือเพียง 8% เท่านั้น โดยในน้ำมันเบนซินได้มีการปรับลดปริมาณกำมะถันให้ไม่เกินกว่า 10 ส่วนในล้านส่วน (10 ppm) ซึ่งการปรับเปลี่ยนในส่วนของปริมาณกำมะถันนั้นก็จะส่งผลให้ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศลดลงได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว และในส่วนของน้ำมันดีเซล ก็จะมีการปรับลดปริมาณกำมะถันให้ไม่เกินกว่า 10 ส่วนในล้านส่วน (10 ppm) และยังมีการปรับลดในส่วนของปริมาณสาร Polycyclic Aromatic Hydrocarbon (PAH) ให้ไม่สูงกว่า 8% โดยน้ำหนัก ซึ่งก็จะช่วยลดการระบายก๊าซไฮโดรคาร์บอนและออกไซด์ของไนโตรเจนอีกด้วย

น้ำมัน EURO 5 ในประเทศไทย

สำหรับน้ำมัน EURO 5 ในไทยนั้น มีการเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งแต่เดิมนั้นจะเริ่มกันตั้งแต่ปี 2564 แต่ก็มีการเลื่อนมาจนถึงปี 2567 โดยก่อนหน้าที่จะมีการบังคับใช้นั้น ในประเทศไทยก็ใช้มาตรฐานน้ำมัน EURO 4 ซึ่งมีกำมะถันต่ำกว่า 50 ppm หรือ 50 ส่วนในล้านส่วนโดยน้ำหนัก ซึ่งในการปรับเปลี่ยนมาใช้น้ำมัน EURO 5 ครั้งนี้ ส่งผลต่อโรงกลั่นโดยตรง เพราะว่าทำให้โรงกลั่นนั้นมีต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ใช้เม็ดเงินลงทุนในครั้งนี้ราว 5 หมื่นล้านบาทกันเลยทีเดียว ซึ่งก็มีข่าวที่ปรากฏตามสื่อออกมาในเรื่องนี้ว่า การปรับเปลี่ยนครั้งนี้มีต้นทุนที่สูงมาก แต่มีการปรับค่าการตลาดขึ้นไม่ถึง 1 บาทต่อลิตร อาจจะไม่สอดคล้องกันสักเท่าไหร่ ทำให้ทาง ประธานสภาอุดสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ทำการส่งหนังสือถึง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เพื่อให้มีการปรับราคาหน้าโรงกลั่นให้สูงขึ้น

อย่างไรก็ตามในการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ก็คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 4 เดือนนับจากวันประกาศ เพื่อให้เป็นไปตามที่ภาครัฐได้กำหนดเอาไว้ อย่างไรก็ดีหากมีการปรับเพิ่มราคาหน้าโรงกลั่นสูงขึ้น ก็ส่งผลต่อราคาน้ำมันที่จะต้องปรับเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ก็คงต้องรอดูราคาว่าจะมีการปรับเพิ่มหรือไม่

สำหรับสถานีบริหารน้ำมันบางจา และเอสโซเดิม ก็จะมีการเปิดจำหน่ายน้ำมันดีเซลมาตรฐาน EURO 5 ในสถานีจำนวน 224 สาขาในเขตกรุงเทพมหานครก่อน และยังมีสถานีบริการน้ำมันพีทีวี สเตขั่น ก็จะเริ่มจำหน่ายน้ำมันดีเซล น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และน้ำมันเบนซิน มาตรฐาน EURO 5 ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล จำนวน 226 สถานี ทั้งนี้เชื่อว่าหลายคนที่ได้ไปใช้บริการเติมน้ำมัน อาจจะยังไม่ทราบเลยว่า หลายสถานีบริการเริ่มให้บริการน้ำมันมาตรฐาน EURO 5 กันไปเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าจับตามองในเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องของราคาน้ำมันว่าสุดท้ายแล้วจะมีการปรับขึ้นหรือไม่ ผู้บริโภคอย่างเราก็ได้ประโยชน์โดยตรง เพราะได้เติมน้ำมันที่มีคุณภาพดีขึ้น ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้ดีกว่าเดิม แถมยังช่วยลดฝุ่น PM 2.5 ได้ด้วย ส่วนทางโรงกลั่นก็ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นไป และก็พยายามต่อรองในเรื่องของการปรับราคาหน้าโรงกลั่นเช่นกัน ซึ่งประเด็นนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปได้ๆ ก็คงต้องรอดูความชัดเจนจากทางกระทรวงพลังงานกันต่อไป

 

เพิ่มเพื่อน - ติดต่อสอบถาม
  Line : @FACTORIPRO

Visitors: 7,872