DPF (Diesel Particulate Filter) ในรถยนต์ ดูแลรักษาอย่างไร ?
Tags: diesel particulate filter, dpf
DPF (Diesel Particulate Filter) ในรถยนต์ ดูแลรักษาอย่างไร ?
DPF (Diesel Particulate Filter) ในรถยนต์ ดูแลรักษาอย่างไร ?
1. ขับรถในระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ DPF ทำการเผาไหม้สะสม
2. หลีกเลี่ยงการขับขี่ในระยะสั้นบ่อยครั้ง
3. ใช้น้ำมันดีเซลคุณภาพสูง
4. ตรวจสอบน้ำมันเครื่องเป็นประจำ
5. หลีกเลี่ยงการติดตั้งหรือปรับแต่งเครื่องยนต์ที่ไม่เหมาะสม
6. ทำความสะอาด DPF เป็นระยะ
7. ใช้เครื่องมืออ่านค่าหรือไฟแสดงสถานะ
8. หลีกเลี่ยงการปิดเครื่องยนต์ขณะ Regeneration
9. ปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเมื่อจำเป็น
DPF (Diesel Particulate Filter) เป็นส่วนสำคัญในระบบไอเสียของรถยนต์ดีเซลที่ช่วยลดมลพิษโดยการดักจับเขม่า การดูแลรักษา DPF อย่างถูกต้องไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ แต่ยังช่วยให้รถยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงระยะยาว
1. ขับรถในระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ DPF ทำการเผาไหม้สะสม
- การขับขี่แบบต่อเนื่อง: DPF จะทำการ "Regeneration" หรือเผาไหม้อนุภาคที่สะสมเมื่ออุณหภูมิของไอเสียสูงพอ (~600°C ขึ้นไป)
- คำแนะนำ: ขับรถในรอบเครื่องยนต์ที่สูงพอ (~2,000–2,500 RPM) ต่อเนื่องเป็นเวลา 15-30 นาที (เช่น ขับบนทางหลวงหรือทางที่ไม่มีการจราจรติดขัด) อย่างน้อยทุก 1-2 สัปดาห์
2. หลีกเลี่ยงการขับขี่ในระยะสั้นบ่อยครั้ง
- การขับรถในระยะทางสั้น ๆ และความเร็วต่ำทำให้ DPF สะสมเขม่ามากขึ้นและไม่ได้เผาไหม้อย่างสมบูรณ์
- หากจำเป็นต้องขับในเมืองหรือขับระยะสั้น ให้หาโอกาสขับรถในระยะทางไกลเพื่อช่วยกระตุ้นการ Regeneration
3. ใช้น้ำมันดีเซลคุณภาพสูง
- เลือกน้ำมันดีเซลที่มีค่ากำมะถันต่ำ (Low Sulfur Diesel) เพื่อป้องกันการสะสมของอนุภาคใน DPF
- น้ำมันดีเซลคุณภาพต่ำอาจทำให้เกิดการอุดตันเร็วขึ้น
4. ตรวจสอบน้ำมันเครื่องเป็นประจำ
- ใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับระบบ DPF (Low SAPS Oil - Sulfated Ash, Phosphorus, Sulfur) เพื่อป้องกันการสะสมเขม่าและตะกอน
- เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตกำหนด
5. หลีกเลี่ยงการติดตั้งหรือปรับแต่งเครื่องยนต์ที่ไม่เหมาะสม
- การปรับแต่งเครื่องยนต์ เช่น การรีแมป (Remapping) หรือการติดตั้งกล่องดันราง อาจเพิ่มปริมาณเขม่าจากไอเสีย ทำให้ DPF เสื่อมเร็วขึ้น
- ควรใช้ชิ้นส่วนและการตั้งค่าที่ได้มาตรฐานจากผู้ผลิต
6. ทำความสะอาด DPF เป็นระยะ
- เมื่อ DPF อุดตันมาก อาจจำเป็นต้องนำออกมาทำความสะอาดโดยผู้เชี่ยวชาญ
- ใช้วิธีการ ล้างด้วยสารเคมี หรือล้างด้วย น้ำแรงดัน
- ใช้วิธี เผาไหม้ในเตา (Thermal Regeneration) เพื่อกำจัดเขม่าและคราบน้ำมันที่ตกค้าง
7. ใช้เครื่องมืออ่านค่าหรือไฟแสดงสถานะ
- ติดตามสถานะของ DPF ผ่านไฟเตือนบนแผงหน้าปัด
- หากไฟเตือน DPF ติดขึ้นมา ควรขับรถต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการ Regeneration
- หากไฟเตือนยังไม่ดับหลังจากนั้น ให้ปรึกษาศูนย์บริการ
8. หลีกเลี่ยงการปิดเครื่องยนต์ขณะ Regeneration
- เมื่อระบบ Regeneration ทำงาน (สังเกตจากรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น หรือไอเสียมีความร้อนสูง) หลีกเลี่ยงการดับเครื่องยนต์เพื่อป้องกันการสะสมเขม่าที่ไม่สมบูรณ์
9. ปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเมื่อจำเป็น
- หาก DPF มีการอุดตันอย่างรุนแรง ควรปรึกษาศูนย์บริการหรือช่างที่มีความเชี่ยวชาญในการซ่อม DPF แทนที่จะพยายามแก้ไขเอง
การดูแล DPF ในรถยนต์ดีเซลเริ่มจากการขับขี่ในลักษณะที่กระตุ้นการ Regeneration เช่น การขับต่อเนื่องในรอบเครื่องยนต์สูง หลีกเลี่ยงการขับระยะสั้น และใช้น้ำมันดีเซลคุณภาพสูง ควรใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะสม ตรวจสอบสถานะผ่านไฟเตือนบนแผงหน้าปัด และหลีกเลี่ยงการปิดเครื่องยนต์ระหว่าง Regeneration หาก DPF อุดตัน ควรทำความสะอาดโดยผู้เชี่ยวชาญและหลีกเลี่ยงการปรับแต่งเครื่องยนต์ที่อาจเพิ่มเขม่า การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ช่วยให้ DPF ทำงานได้มีประสิทธิภาพและลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
>>> จบกันไปแล้วสำหรับเนื้อหาที่เรานำเสนอวันนี้ และครั้งต่อไปเราจะนำเสนอเรื่องใด สามารถติดตามพวกเราได้หรือเยี่ยมชมและรับข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่
Facebook : FACTORIPRO
Youtube : FACTORIPRO
Website : www.FactoriPro.com
เพิ่มเพื่อน - ติดต่อสอบถาม
Line : @FACTORIPRO