วิธีดูแลหม้อน้ำรถยนต์
หม้อน้ำรถยนต์
หม้อน้ำรถยนต์ เป็นอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนของรถยนต์ซึ่งมีความสำคัญมาก และเป็นระบบการหล่อเย็นด้วยน้ำ โดยการทำงานจะเป็นน้ำไหลมาตามโพรงเสื้อสูบ แล้วเข้าสู่หม้อน้ำทางด้านบน ต่อมาน้ำเหล่านั้นก็จะไหลมาตามท่อในหม้อน้ำ ซึ่งท่อพวกนี้จะติดอยู่กับรังผึ้ง หรือที่เรียกอีกอย่างว่าครีบระบายความร้อน ซึ่งทำมากจากโลหะ ที่ถ่ายเทความร้อนได้ดี เมื่อน้ำร้อนเหล่านี้ เคลื่อนลงมาด้านล่าง ก็จะถ่ายเอาความร้อนออกไปให้กับรังผึ้ง ซึ่งในเวลาเดียวกันพัดลมหม้อน้ำก็จะทำงาน ดูเอาอากาศที่อยู่ด้านหน้าหมอน้ำ ผ่านรังผึ้งระบายความร้อนหม้อน้ำ ออกมาทางด้านหลัง เปลี่ยนความร้อนไปเป็นอากาศ และเมื่อน้ำที่ร้อนไหลลงด้านล่าง อุณหภูมิก็จะลดลง ตรงด้านหน้าของหม้อน้ำจะมีท่อยางหม้อน้ำ ต่อเข้ากับผนังเสื้อสูบอีกที ทำให้มีน้ำอนู่ในระบบ ไหลเวียนอยู่ในโพรงผนังห้องเครื่องกับหม้อน้ำแบบนี้อย่างต่อเนื่อง
วิธีการดูแลหม้อน้ำรถยนต์
- ตรวจสอบน้ำยาหล่อเย็น (Coolant) ในหม้อน้ำให้เต็ม และน้ำยาหล่อเย็นในหม้อพักให้อยู่ในระดับที่กำหนดไว้ โดยปกติจะอยู่กึ่งกลางระดับ min กับ max ที่ถูกทำเครื่องหมายไว้ โดยในหม้อพักน้ำ ห้ามเติมน้ำยาหล่อเย็นให้เต็มหม้อเด็ดขาด เพราะเมื่อเกิดความร้อนจะมีแรงดันทำให้น้ำดันออกจากหม้อน้ำหมดได้ แนะนำให้อย่างน้อยตรวจสอบน้ำยาหล่อเย็นในถังพักน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ถ้าพบหม้อน้ำเคยมีปัญหาการรั่วซึมมาก่อนแล้ว แนะนำให้ตรวจสอบทุกวัน
- แน่นอนที่สุดคือต้องไม่เติมน้ำเปล่าลงในหม้อน้ำ เพราะการเติมน้ำเปล่าส่งผลเสียหายต่อหม้อน้ำ เพราะนอกจากจะเกิดสนิม กัดกร่อนทำให้หม้อน้ำผุรั่วแล้ว ยังเกิดการอุดตันของคราบตะกรันต่างๆ เช่นหินปูนบริเวณแผงระบายความร้อนในหม้อน้ำ เครื่องจะมีความร้อนขึ้นสูงจนเกิดปัญหาตามมา
- เติมน้ำยารักษาหม้อน้ำหรือน้ำยาหล่อเย็นที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัยต่อเครื่องยนต์
- ถ้าหากพบว่าต้องเติมน้ำหล่อเย็นเพิ่มเข้าหม้อน้ำบ่อยครั้ง แสดงว่ามีอาการรั่วซึม แต่หากว่าผู้ใช้ได้เติมน้ำซึ่งไม่มีสีไปก่อนหน้านี้เป็นระยะเวลาหนึ่ง ทำให้ไม่เห็นรอยรั่วซึมเนื่องจากน้ำไม่มีสี จึงเห้นรอยรั่วซึมได้ยาก ดังนั้นควรตรวจสอบหารอยรั่วหลังจากเติมน้ำยาหล่อเย็น (น้ำยาหม้อน้ำหรือน้ำยาหล่อเย็นจะถูกออกแบบมาให้มีสีเพื่อให้ตรวจสอบรอยรั่วได้ง่าย) โดยดูจากรอยหยดน้ำที่มีสีเดียวกับน้ำยารักษาหม้อน้ำ เมื่อพบแล้วให้นำรถเข้าแก้ไขที่ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมทันที
เพิ่มเพื่อน - ติดต่อสอบถาม
Line : @FACTORIPRO