“กองทุน” จัดการกากขยะอุตสาหกรรม

“กองทุน” จัดการกากขยะอุตสาหกรรม

“Fund” manages industrial waste

 

“กองทุน” จัดการกากขยะอุตสาหกรรม

     การประกาศลาออกของ “นายจุลพงษ์ ทวีศรี” อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567 ทั้งที่เหลือระยะเวลาเกษียณอายุราชการอีกเพียง 5 เดือน จะครบในวันที่ 30 กันยายน 2567 น่าจะมาจากความกดดันจากการทำงาน จากสาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้โรงงานอุตสาหกรรมในหลายพื้นที่และหลายครั้งติดต่อกัน ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ทั้งโรงงานพลุระเบิด โรงงานสารเคมี อ.บ้านค่าย จ.ระยอง มาสู่โรงงานสารเคมี อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา
 
     และที่สำคัญคือ ประเด็นการพบ “กากแร่แคดเมียม” ที่ถูกขุดออกจากบ่อเก็บกากอุตสาหกรรม ของ “บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน)” เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 อีก 15,000 ตัน วัตถุอันตรายจากเหมืองแร่สังกะสี ซึ่งตามข้อมูลการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมกำหนดให้ฝังกลบเท่านั้น ไม่อนุญาตให้มีการ “ขนย้าย” แรงกดดันดังกล่าวจึงพุ่งมาที่อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม
ช่วงในระยะเวลาดังกล่าว แม้ว่าจะพยายามตรวจสอบเร่งหาสาเหตุของการหลุดออกไปของกากแคดเมียม ตามคำสั่งของ “นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ส่งผลให้มีการสั่งย้ายอุตสาหกรรมจังหวัดตาก เป็นการเริ่มต้น แต่ก็ถือว่าการปฏิบัติงานและการออกมาแสดงความรับผิดชอบ รวมถึงการชี้แจงข้อมูลความจริง ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ
ขณะที่การดำเนินการจัดการกับ “กากแคดเมียม” เพื่อขนส่งกลับไปฝั่งกลบใน จ.ตาก ก็ยังมาประสบปัญหาสะดุดลงระหว่างทางอีก ในช่วง 22.00 น. ของวันที่ 29 เมษายน 2567 การขนย้ายกากแคดเมียมลอตแรกของ จ.สมุทรสาคร และบางซื่อ โดยรถบรรทุกจำนวน 10 คัน น้ำหนักทั้งสิ้น 254 ตัน ที่ใช้เวลาเดินทาง 7 ชั่วโมง ถึง จ.ตาก บนเส้นทางสายเอเชีย แต่กลับปรากฏว่า “โซ่ยกถุงบิ๊กแบ็กขาด”
 
     ทำให้กากแคดเมียมตกกระจายบนพื้น จึงต้องสั่งระงับการขนย้าย และนำแผนสำรองเข้ามาทันทีและเริ่มการขนย้ายใหม่อีกครั้งในวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 และคาดการณ์ว่ากว่าจะขนกลับ จ.ตาก ครบจะต้องรอไปถึงกลางเดือนมิถุนายน 2567
 
     ปลดล็อกทางออกปัญหา
มุมมอง นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนางเพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ ต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่า การลาออกของอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นการลงโทษหรือเป็นการรับผิดชอบที่ถูกต้องแล้วหรือไม่ เพราะไม่ว่าจะกรณีเพลิงไหม้ที่ จ.ระยอง หรือเรื่องกากแคดเมียม ต้องกลับไปดูที่ต้นตอว่าเกิดขึ้นยุคไหน สมัยไหน ปลัดและอธิบดีท่านไหน ที่มีการปล่อยปละละเลย (หรือเห็นด้วย) ให้มีการอนุญาตให้ขนกากที่เป็นวัตถุอันตรายในระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกองกากอุตสาหกรรม หน่วยงานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
 
     รวมทั้งภาคการเมือง ทั้งที่ดูแลด้านนโยบาย และภาคนิติบัญญัติควรจะแสดงความเป็นมืออาชีพ ในการแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทั้งการอนุญาต การตรวจสอบ การแก้ไขมลพิษ และสิ่งสำคัญหลังจากนี้คือ การบริหารจัดการความเสี่ยง ซึ่งนายอิศเรศมองว่า ปัญหาการเคลื่อนย้ายสารเคมีที่ล่าช้าเกิดจากจะต้อง “รองบประมาณ” ในการขนย้าย ซึ่งทางเอกชนเห็นว่า ก่อนหน้านี้ กระทรวงได้มีการเสนอประเด็นการแก้ไขกฎหมาย เพื่อวางแนวทางเกี่ยวกับ “กองทุน” ในการบริหารจัดการสารเคมีเข้าไป ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เกิดปัญหาการระเบิดโรงงานพลุที่ จ.สุพรรณบุรี เพื่อวางแนวทางระยะยาว
 
     จากเหตุการณ์ครั้งนี้ หากสามารถถอดบทเรียน วางแนวทางมุ่งแก้ไขปัญหา โดยโฟกัสที่ต้นเหตุ เร่งแก้ปัญหาที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนได้ ก็จะทำให้การลาออกในครั้งนี้ไม่สูญเปล่า
 
 
เพิ่มเพื่อน - ติดต่อสอบถาม
 Line : @FACTORIPRO
 
ไลน์ Line FactoriPro
Visitors: 7,872