การเลือกใช้สวิตซ์

การเลือกใช้สวิตซ์

การเลือกใช้สวิตซ์
1. โครงสร้างของสวิตช์และรูปแบบการทำงาน
2. จำนวนของ Poles และ Throws ของ สวิตช์
3. รูปแบบหน้าสัมผัสทางไฟฟ้าของ สวิตช์ มีด้วยกัน 2 รูปแบบนั้นก็คือ แบบเปิดและแบบปิด
4. สวิตช์นี้ใช้กำลังไฟฟ้าเท่าไหร่
5. รูปแบบของการเชื่อมต่อของสวิตช์ (Terminal shape)
6. วัสดุที่ใช้ผลิตหน้าสัมผัสทางไฟฟ้า(contact plain)และขั้วต่อทางไฟฟ้า (terminal plating)
7. ช่องว่างในการติดตั้ง (Mounting hole)
8. อายุการใช้งานของสวิตช์ (life cycles)
 
 

การเลือกใช้สวิตซ์

1.โครงสร้างของสวิตช์และรูปแบบการทำงาน
     โครงสร้างของสวิตช์ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพิจารณาการเลือกใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น ผลิตจากวัสดุอะไร วิธีการประกอบ รูปแบบการใช้งานเหมาะสม เช่น กดติดปล่อยดับ คันโยก (toggle) แบบอื่นๆ
 
2.จำนวนของ Poles และ Throws ของ สวิตช์
     ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในพิจารณา ตัวอย่างเช่น single pole single throw (SPST) ใช้สำหรับการเปิดปิดอุปกรณ์ทั่วไป ในเครื่องจักรแต่ละส่วนย่อมมีการทำงานของสวิตช์ที่แตกต่างกันออกไป ควรพิจารณา จำนวน pole และ throw ให้เหมาะสมกับตำแหน่งนั้นๆ
 
3.รูปแบบหน้าสัมผัสทางไฟฟ้าของ สวิตช์ มีด้วยกัน 2 รูปแบบนั้นก็คือ
- ปกติปิด [Normal close (NC)]
ใช้กับอุปกรณ์ไฟ้ฟ้าที่ต้องการให้ทำงานอยู่ตลอดเวลา
- ปกติเปิด [Normal open (NO)]
ใช้กับอุปกรณ์ไฟ้ฟ้าที่ต้องการควบคุมการเปิดและปิด
 
4. สวิตช์นี้ใช้กำลังไฟฟ้าเท่าไหร่
     (4.1) สวิตช์นี้ใช้กับแหล่งจ่ายไฟรูปแบบไหน
ในการเลือกใช้งานสวิตช์ เราจำเป็นต้องพิจารณาประเภทของแหล่งจ่ายไฟก่อนว่าเป็นแบบ ไฟฟ้ากระแสตรง(DC) หรือ ไฟฟ้ากระแสสลับ(AC) เนื่องจากวิธีการคำนวณกำลังไฟฟ้านั้นมีข้อที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก
     (4.2) ความต่างศักย์(Voltage) และ แรงดันไฟฟ้า (Current)
Voltage rating หมายถึง แรงดันไฟฟ้าสูงสุดที่สามารถรับได้
Current rating หมายถึง กระแสไฟฟ้าสูงสุดที่รับได้ก่อนที่หน้าสัมผัสทางไฟฟ้าจะเกิดความเสียหาย (Overheat)
 
5.รูปแบบของการเชื่อมต่อของสวิตช์ (Terminal shape) รูปแบบของการเชื่อมต่อสวิตซ์โดยทั่วไปมีอยู่ด้วยกันดังนี้
- Solder terminal ใช้เชื่อมต่อโดยการบัดกรีสายไฟเข้ากับเทอร์มินอล
- Screw terminal ใช้สกรูยึดสายไฟไม่ให้หลุดออกจากเทอร์มินอล
- Insert terminal ใช้สายไฟที่ทำการเข้าหัวแล้ว เสียบติดตั้งไปยังเทอร์มินอลของสวิตช์
- PCฺB mounting ติดตั้งสวิตช์ลงบนแผ่น print circuit board และทำการบักกรีเข้ากับแผงวงจร
 
6.วัสดุที่ใช้ผลิตหน้าสัมผัสทางไฟฟ้า(contact plain)และขั้วต่อทางไฟฟ้า (terminal plating)
      หน้าสัมผัสทางไฟฟ้าและขั้วต่อทางไฟฟ้า นิยมผลิตจากวัสดุที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งส่งผลให้ คุณสมบัติ, ราคา และการตอบสนองของสวิตช์แตกต่างกัน ตัวอย่างวัสดุที่นิยมนำมาใช้ในการทำหน้าสัมผัสทางไฟฟ้า มีดังนี้
     (6.1)ทองคำ
ทองคำนิยมนำมาใช้ทำหน้าสัมผัสทางไฟฟ้า มักใช้ในอุปกรณ์ที่ใช้กระแสไฟฟ้าต่ำ (mA) ตัวอย่างเช่น ขาไมโครคอนโทรลเลอร์ อีกสาเหตุหนึ่งที่ทองคำถูกนำมาใช้ก็คือ มีโอกาสเกิดสนิมบนหน้าสัมผัสได้ยาก เมื่อเทียบกับเงิน
     (6.2) เงิน
เงินมักใช้ในอุปกรณ์ที่ใช้กระแสไฟฟ้าสูงขึ้นอีกระดับหนึ่ง (Amp) ตัวอย่างเช่น สวิตช์ไฟฟ้า สาเหตุที่เงินถูกนำมาใช้ในการนำไฟฟ้า เพราะว่าเงินมีราคาที่ถูกกว่าและมีโอกาสที่เกิดสนิมได้ง่ายกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับทองคำ นอกจากนี้เงินมีความต้านทานทางไฟฟ้าต่ำ ซึ่งส่งผลให้นำไฟฟ้าได้ดี สาเหตุหนึ่งที่ทองคำไม่นิยมนำมาทำหน้าสัมผัสให้กับสวิตช์ที่กินกำลังไฟฟ้าสูงนั้นก็คือ เมื่อเปรียบเทียบพื้นที่ผิวสัมผัสที่เท่ากันระหว่างเงิน จะพบว่าราคาของทองคำนั้นแพงกว่าอย่างเห็นได้ชัด
 
7.ช่องว่างในการติดตั้ง (Mounting hole)
     ช่องว่างในการติดตั้งถือเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่ต้องพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นรูของช่องที่ทำการเจาะ ความหนาของพาแนล ที่ติดตั้งและรูปแบบการประกอบ ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้สามารถศึกษาได้เพิ่มเติมจากแคตตาล็อกสินค้าของแต่ละยี่ห้อ
 
8.อายุการใช้งานของสวิตช์ (life cycles)
     อายุการใช้งานนับเป็นข้อสำคัญในการพิจารณา ในบางครั้ง การเลือกสวิตช์ ที่มีคุณภาพต่ำอาจจะช่วยประหยัดเงินให้กับโปรเจค ได้แต่การบำรุงรักษาและการเปลี่ยนสวิตช์อาจทำให้เสียค่าใช้จ่ายมากกว่า ในบางครั้งรูปแบบของสวิตช์ก็มีผลต่ออายุการใช้งานด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น สวิตช์แบบกดติดปล่อยดับ (momentary) มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า สวิตช์แบบกดแล้วอยู่ตำแหน่งเดิม (maintained)
 
 
เพิ่มเพื่อน - ติดต่อสอบถาม
 Line : @FACTORIPRO
 
ไลน์ Line FactoriPro
Visitors: 17,708