ประเภทของยาง 6 ประเภท
ประเภทของยาง 6 ประเภท
ประเภทของยาง 6 ประเภท
1.ประเภทของยางตามวัสดุ
2.ประเภทของยางตามการใช้งาน
3.ประเภทของยางตามลักษณะทางกายภาพ
4.ประเภทของยางตามความทนทาน
5.ประเภทของยางตามการผลิต
6. ประเภทของยางตามคุณสมบัติพิเศษ
ยางเป็นวัสดุที่มีความหลากหลายทั้งในด้านองค์ประกอบ การใช้งาน และคุณสมบัติพิเศษ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้หลายประเภทตามลักษณะการผลิตและคุณสมบัติเฉพาะ ในบทความนี้จะนำเสนอการแบ่งประเภทของยางตามวัสดุ, การใช้งาน, ลักษณะทางกายภาพ, ความทนทาน, กระบวนการผลิต และคุณสมบัติพิเศษ
1.ประเภทของยางตามวัสดุ
1.ยางธรรมชาติ (Natural Rubber)
ยางธรรมชาติถูกผลิตจากน้ำยางที่สกัดจากต้นยางพารา มีคุณสมบัติความยืดหยุ่นสูงและความทนทานต่อแรงดึง ทำให้เป็นวัสดุที่ใช้กันแพร่หลายในอุตสาหกรรมหลายประเภท แต่ยางธรรมชาติมีข้อจำกัดในการทนความร้อนและสารเคมีบางชนิด
2.ยางสังเคราะห์ (Synthetic Rubber)
ยางสังเคราะห์ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ยางธรรมชาติไม่สามารถใช้งานได้ ยางสังเคราะห์แบ่งออกเป็นหลายประเภทตามคุณสมบัติการใช้งาน ได้แก่
- SBR (Styrene-Butadiene Rubber) ยางสไตรีนบิวตาไดอีน หรือ SBR เป็นยางสังเคราะห์ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานแทนยางธรรมชาติในบางส่วน โดย SBR มีความทนทานต่อการสึกหรอและทนต่อการเสื่อมสภาพจากอากาศและโอโซนได้ดี จึงถูกนำมาใช้ในการผลิตยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ ที่ต้องการความทนทานต่อการใช้งาน เช่น ท่อหรือสายยาง และรองเท้ายาง
- BR (Butadiene Rubber) ยางบิวตาไดอีน (BR) มีคุณสมบัติที่ยืดหยุ่นและทนทานต่อการสึกหรอได้ดี ทำให้มักถูกใช้ร่วมกับยางสไตรีนบิวตาไดอีน (SBR) ในการผลิตยางรถยนต์และยางที่ต้องรับแรงกระแทกสูง นอกจากนี้ BR ยังมีความสามารถในการดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี จึงเป็นวัสดุสำคัญในการผลิตยางล้อที่ต้องการความนุ่มนวลในการขับขี่
- NBR (Nitrile Rubber) ยางไนไตรล์ (NBR) โดดเด่นในด้านการทนทานต่อสารเคมี โดยเฉพาะน้ำมัน น้ำมันเบนซิน และสารละลายอื่น ๆ ทำให้ NBR เหมาะสำหรับใช้ในงานอุตสาหกรรมยานยนต์และการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ต้องสัมผัสกับน้ำมันหรือของเหลว เช่น ท่อและซีลยางกันน้ำมัน ถุงมือที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม และท่อขนส่งน้ำมัน
- EPDM (Ethylene Propylene Diene Monomer) ยางเอทิลีนโพรพิลีนไดอีน (EPDM) เป็นยางที่มีความทนทานต่อสภาพอากาศ อุณหภูมิสูง และโอโซนได้ดี นอกจากนี้ EPDM ยังมีคุณสมบัติทนทานต่อน้ำและสารเคมีหลายชนิด จึงถูกนำมาใช้ในงานที่ต้องการความทนทานต่อสภาพอากาศและความร้อน เช่น ยางปะเก็น ยางซีล และท่อยางในระบบระบายความร้อนในยานยนต์
2.ประเภทของยางตามการใช้งาน
ยางรถยนต์
- ยางรอบนอก (Tread): ส่วนของยางที่สัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง ต้องการความทนทานต่อการขัดสีและแรงเสียดทานสูง
- ยางข้าง (Sidewall): ยางบริเวณด้านข้างที่ต้องทนแรงดันจากลมยางและแรงดันจากการใช้งาน ใช้วัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง
ยางอุตสาหกรรม
- ยางเกรดอาหาร (Food Grade Rubber): ผลิตจากวัสดุที่ปลอดสารพิษและสามารถสัมผัสกับอาหารโดยตรง เช่น ซีลยางในอุตสาหกรรมอาหาร
- ยางทนความร้อน (Heat-Resistant Rubber): ใช้ในเครื่องจักรที่ต้องการยางที่ทนความร้อนสูง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และการผลิตเหล็ก
ยางก่อสร้าง
- ยางป้องกันการสั่นสะเทือน (Vibration Isolation Rubber): ใช้ลดแรงสั่นสะเทือนในเครื่องจักร หรืออาคาร
- ยางกันน้ำ (Waterproof Rubber): ใช้ในงานก่อสร้างที่ต้องการป้องกันน้ำซึมผ่าน เช่น ยางซีลรอบหน้าต่างและประตู
3.ประเภทของยางตามลักษณะทางกายภาพ
- ยางแข็ง (Hard Rubber): ยางที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อการกดทับ มักใช้ในชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่ต้องการความทนทานสูง
- ยางอ่อน (Soft Rubber): มีความยืดหยุ่นสูงและทนต่อแรงกระแทก มักใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความยืดหยุ่น เช่น ปะเก็น ซีลยาง
- ยางมีโครงสร้าง (Reinforced Rubber): เป็นยางที่มีการเสริมโครงสร้างด้วยวัสดุอื่น ๆ เช่น เส้นใยหรือโลหะ เพื่อเพิ่มความทนทานต่อแรงดึงและการสึกหรอ
4.ประเภทของยางตามความทนทาน
- ยางทนต่อการขัดสี (Abrasion-Resistant Rubber): ใช้ในงานที่ต้องสัมผัสกับพื้นผิวที่มีการเสียดสีสูง เช่น ยางรองพื้นหรือยางสายพานลำเลียง
- ยางทนสารเคมี (Chemical-Resistant Rubber): ยางที่มีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนจากสารเคมีต่าง ๆ ใช้ในอุตสาหกรรมเคมีหรืออุตสาหกรรมปิโตรเคมี
5.ประเภทของยางตามการผลิต
- ยางหล่อ (Molded Rubber): ผลิตโดยการหล่อในแม่พิมพ์ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะ มักใช้ในการผลิตชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อนหรือการใช้งานที่ต้องการความแม่นยำ
- ยางรีด (Extruded Rubber): ผลิตโดยการรีดยางผ่านช่องที่ออกแบบตามรูปทรงที่ต้องการ มักใช้ในผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะยาว เช่น ซีลยางหรือแถบยาง
6.ประเภทของยางตามคุณสมบัติพิเศษ
- ยางกันไฟ (Fire-Resistant Rubber): เป็นยางที่มีคุณสมบัติทนทานต่อเปลวไฟและความร้อนสูง ใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงต่อไฟ เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเลียมหรือเครื่องยนต์
- ยางกันเสียง (Soundproof Rubber): ใช้ในการป้องกันเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือน เช่น ในงานอุตสาหกรรมก่อสร้าง หรือระบบยานยนต์
>>> จบกันไปแล้วสำหรับเนื้อหาที่เรานำเสนอวันนี้ และครั้งต่อไปเราจะนำเสนอเรื่องใด สามารถติดตามพวกเราได้หรือเยี่ยมชมและรับข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่
Facebook : FACTORIPRO
Youtube : FACTORIPRO
Website : www.FactoriPro.com
เพิ่มเพื่อน - ติดต่อสอบถาม
Line : @FACTORIPRO