3 ประเภทของพลาสติก
3 ประเภทของพลาสติก
ประเภทของพลาสติก
1. เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastics)
2. เทอร์โมเซ็ต (Thermosets)
3. วิศวกรรมพลาสติก (Engineering Plastics)
พลาสติกเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันและอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามคุณสมบัติและการใช้งาน หลัก ๆ แล้ว แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastics), เทอร์โมเซ็ต (Thermosets), และวิศวกรรมพลาสติก (Engineering Plastics) ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastics)
เทอร์โมพลาสติกเป็นพลาสติกที่สามารถหลอมละลายและขึ้นรูปใหม่ได้หลายครั้งเมื่อได้รับความร้อน เมื่อพลาสติกชนิดนี้ถูกทำให้เย็นลง มันจะคงรูปตามแม่พิมพ์ที่ขึ้นรูปไว้ ซึ่งคุณสมบัติเด่นนี้ทำให้เทอร์โมพลาสติกเป็นที่นิยมในหลายอุตสาหกรรมและสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างของเทอร์โมพลาสติก
- โพลิเอทิลีน (Polyethylene - PE): ใช้ในการผลิตถุงพลาสติก ขวดน้ำดื่ม และบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ
- โพลิโพรพิลีน (Polypropylene - PP): ใช้ในชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และบรรจุภัณฑ์อาหาร
- โพลีไวนิลคลอไรด์ (Polyvinyl Chloride - PVC): ใช้ในท่อประปา สายไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง
- โพลีคาร์บอเนต (Polycarbonate - PC): ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และเลนส์แว่นตา เนื่องจากมีความแข็งแรงและทนต่อการกระแทก
การใช้งาน เทอร์โมพลาสติกถูกใช้ในการผลิตสินค้าต่าง ๆ เช่น บรรจุภัณฑ์ ขวดน้ำดื่ม สายไฟ ท่อพลาสติก และผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์
2. เทอร์โมเซ็ต (Thermosets)
เทอร์โมเซ็ตเป็นพลาสติกที่ไม่สามารถหลอมละลายและขึ้นรูปใหม่ได้หลังจากผ่านกระบวนการผลิต เมื่อพลาสติกชนิดนี้ถูกทำให้แข็งตัวโดยความร้อนหรือสารเคมี จะคงรูปอย่างถาวรและไม่สามารถกลับมาเป็นของเหลวได้อีก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการเชื่อมต่อกันอย่างถาวรของโมเลกุล ทำให้เทอร์โมเซ็ตมีความแข็งแรงและทนทานมาก
ตัวอย่างของเทอร์โมเซ็ต
- อีพอกซีเรซิน (Epoxy Resin): ใช้ในการเคลือบพื้นผิวหรือเป็นกาวที่ต้องการความแข็งแรงสูง
- ฟีนอลิก (Phenolic): ใช้ในอุปกรณ์ไฟฟ้า เนื่องจากทนทานต่อความร้อนและไฟฟ้าได้ดี
- โพลิยูรีเทน (Polyurethane): ใช้ในเบาะรถยนต์ ฉนวนกันความร้อน และฟองน้ำ
- เมลามีน (Melamine): ใช้ในอุปกรณ์เครื่องครัว เช่น จาน ชาม หรือเฟอร์นิเจอร์ เนื่องจากทนทานต่อความร้อนและรอยขีดข่วน
การใช้งาน: เทอร์โมเซ็ตถูกใช้ในงานที่ต้องการความทนทานสูง เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง และเครื่องมืออุตสาหกรรม ที่ต้องทนต่อแรงดัน ความร้อน และสารเคมี
3. วิศวกรรมพลาสติก (Engineering Plastics)
วิศวกรรมพลาสติกเป็นพลาสติกที่มีคุณสมบัติทางกลและความทนทานที่เหนือกว่าพลาสติกทั่วไป มักใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนต่อความร้อน และสามารถใช้งานในสภาวะแวดล้อมที่มีการกัดกร่อนสูง
ตัวอย่างของวิศวกรรมพลาสติก
- โพลีเอไมด์ (Polyamide - Nylon): มีความแข็งแรงสูงและทนต่อการสึกหรอ ใช้ในชิ้นส่วนยานยนต์ และอุปกรณ์ไฟฟ้า
- โพลีอะซีตัล (Polyacetal - POM): ใช้ในชิ้นส่วนเครื่องจักรกล เช่น เฟืองและชิ้นส่วนที่ต้องการความแม่นยำสูง
- โพลิเตตระฟลูออโรเอทิลีน (Polytetrafluoroethylene - PTFE หรือ Teflon): มีความทนทานต่อความร้อนและสารเคมี ใช้ในเครื่องครัวและอุปกรณ์อุตสาหกรรม
- โพลีอีเธอร์อีเทอร์คีโตน (Polyether Ether Ketone - PEEK): เป็นพลาสติกที่ทนทานต่อความร้อนสูง ใช้ในอุตสาหกรรมการบินและการแพทย์
การใช้งาน วิศวกรรมพลาสติกถูกใช้ในชิ้นส่วนที่ต้องการความทนทาน เช่น ชิ้นส่วนเครื่องจักร ยานยนต์ อุปกรณ์การแพทย์ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากมีความแข็งแรงและทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
พลาสติกมีหลากหลายประเภทที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในแต่ละอุตสาหกรรม เทอร์โมพลาสติกเป็นพลาสติกที่สามารถหลอมและขึ้นรูปใหม่ได้ ส่วนเทอร์โมเซ็ตเมื่อขึ้นรูปแล้วจะคงตัวถาวรและไม่สามารถหลอมใหม่ได้ ส่วนวิศวกรรมพลาสติกเป็นพลาสติกที่มีความแข็งแรงและทนทานสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในงานวิศวกรรมและอุตสาหกรรมที่มีความซับซ้อน
>>> จบกันไปแล้วสำหรับเนื้อหาที่เรานำเสนอวันนี้ และครั้งต่อไปเราจะนำเสนอเรื่องใด สามารถติดตามพวกเราได้หรือเยี่ยมชมและรับข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่
Facebook : FACTORIPRO
Youtube : FACTORIPRO
Website : www.FactoriPro.com
เพิ่มเพื่อน - ติดต่อสอบถาม
Line : @FACTORIPRO