โลหะ 14 ชนิดที่นิยม ใช้อุตสาหกรรม
โลหะ 14 ชนิดที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรม
โลหะ 14 ชนิดที่นิยม ใช้อุตสาหกรรม
1.เหล็กกล้า (Steel)
2.เหล็กกล้าไร้สนิม หรือสแตนเลสสตีล (Stainless Steel)
3.เหล็กกล้าคาร์บอน (Carbon Steel)
4.เหล็กกล้าผสม (Alloy Steel)
5.เหล็ก (Iron)
6.อลูมิเนียม (Aluminum or Aluminium)
7.ทองแดง (Copper)
8.แมกนีเซียม (Magnesium)
9.ทองเหลือง (Brass)
10.สัมฤทธิ์ (Bronze)
11.ไทเทเนียม (Titanium)
12.สังกะสี (Zinc)
13.นิกเกิล (Nickel)
14.ตะกั่ว (Lead)
ในอุตสาหกรรมต่างๆ โลหะถือเป็นวัสดุสำคัญของโรงงานเลยก็ว่าได้ ซึ่งโลหะก็สามารถแบ่งประเภทได้ออกอีกหลายประเภท โดยวันนี้ FactoriPro จะมานำเสนอโลหะ 14 ชนิดชนิดที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรม
1.เหล็กกล้า (Steel)
คือ โลหะชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาใช้มากที่สุดในโลก เนื่องจากเหล็กกล้าเป็นโลหะที่ประกอบด้วยเหล็กและคาร์บอน มีอัตราส่วนของเหล็ก (Iron) ประมาณ 99% และคาร์บอนประมาณ 1% เหล็กกล้ามีคุณสมบัติที่สำคัญ ได้แก่ ความทนต่อแรงดึง (Tensile Strength) และความเหนียว (Toughness) ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวส่งผลให้เหล็กกล้ามีความคงทนถาวรไม่เปลี่ยนรูปทรงได้ง่าย นอกจากนี้ เหล็กกล้ายังมีคุณสมบัติของความแข็งแรงต่อน้ำหนักในระดับสูง (High Strength to Weight Ratio) เหล็กกล้ามีราคาไม่สูงมากนัก เนื่องจากสามารถผลิตได้ในปริมาณมาก และยังมีความแข็งแรง อย่างไรก็ดี หากปล่อยให้เหล็กกล้าโดนน้ำ หรือดูแลรักษาไม่ดี อาจทำให้เป็นสนิมได้
2.เหล็กกล้าไร้สนิม หรือสแตนเลสสตีล (Stainless Steel)
คือ เหล็กกล้าผสม (Alloy of Steel) เป็นที่ทราบกันดีว่าโลหะชนิดนี้มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ และทนทานหรือต้านทานการกัดกร่อนได้เป็นอย่างดี (Corrosion Resistance) ถือว่าเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของโลหะ คุณลักษณะพิเศษอีกอย่างของเหล็กกล้าไร้สนิมหรือสแตนเลสสตีล คือการมีธาตุโครเมียมผสม สูงถึง 11% ซึ่งคุณลักษณะอันนี้ช่วยให้เหล็กกล้าไร้สนิม/สแตนเลนสตีลไม่ให้เป็นสนิม ยิ่งไปกว่านั้น ธาตุโครเมียมยังมีส่วนช่วยให้ทนทานหรือต้านทานการกัดกร่อน และโลหะชนิดนี้มีส่วนผสมของคาร์บอนประมาณ 0.003% ถึง 1% เท่านั้น
3.เหล็กกล้าคาร์บอน (Carbon Steel)
เป็นเหล็กกล้าผสมอีกชนิดหนึ่งที่มีส่วนผสมของคาร์บอนในระดับสูงประมาณ 2.1% ปริมาณของคาร์บอนที่สูงนี้ทำให้เหล็กกล้าชนิดนี้มีคุณสมบัติของความทนทานสูง (High Durability) มีจุดเดือดต่ำ (Low Melting Point) และมีความสามารถในการขึ้นรูประดับสูง (High Malleability) นอกจากนี้คาร์บอนยังช่วยให้การกระจายความร้อนของเหล็กกล้าคาร์บอนมีประสิทธิภาพ (Heat Distribution)
4.เหล็กกล้าผสม (Alloy Steel)
เป็นเหล็กกล้าที่มีส่วนผสมของคาร์บอนไม่เกิน 1.7% สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ เหล็กกล้าผสมสูง (High Alloy Steel) และเหล็กกล้าผสมต่ำ (Low Alloy Steel) เหล็กกล้าผสมมีคุณลักษณะพิเศษ ได้แก่ ความแข็งแรงเชิงกล (Mechanical Strength) ความแข็ง (Hardness) ความทนทานหรือต้านทานการกัดกร่อนได้เป็นอย่างดี (Corrosion Resistance) และทนความร้อน (Heat Resistance)
5.เหล็ก (Iron)
เป็นโลหะชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย และเป็นส่วนผสมหลักของโลหะหลายชนิด หากโลกนี้ไม่มีเหล็ก (Iron) โลหะเหล็กกล้าไม่มีเช่นกัน (Steel)
6.อลูมิเนียม (Aluminum or Aluminium)
คือโลหะอีกชนิดหนึ่งที่ถูกจัดให้เป็นธาตุหรือสารบริสุทธิ์ (Element) มีลักษณะสีขาวมันเงา (Silver-White Metal) ทำให้ดูแวววาว ที่จริงอลูมิเนียมไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เกิดจากการทำปฏิกิริยาระหว่างสารประกอบอื่น ๆ เช่น ออกซิเจน จึงทำให้เกิดเป็นสารประกอบ (Compound) ผลลัพธ์ของอลูมิเนียมที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่สามารถพบเห็นได้มากที่สุด ได้แก่ ซัลเฟต (Sulfates) อลูมิเนียมถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1824 และหลังจากนั้นเป็นเวลาหลายปีมนุษย์เรียนรู้ที่จะผลิตอลูมิเนียมเองในปริมาณมากเพื่อใช้ในทางพาณิชย์ (Commercial Use) คุณสมบัติที่โดดเด่นอย่างหนึ่งที่ทำให้อลูมิเนียมเป็นโลหะที่นิยมเป็นอย่างมาก นั่นคือ มีความแข็งแรงต่อน้ำหนักในระดับดีเยี่ยม (Excellent Strength to Weight Ratio) นอกจากนี้อลูมิเนียมมีคุณสมบัติอีกอย่างที่สำคัญ คือ ไม่เป็นสนิม อย่างไรก็ดี หากโลหะชนิดนี้ทำปฏิกิริยากับสารเคมีอื่น ๆ จะส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) และการกัดกร่อนขึ้น (Corrosion)
7.ทองแดง (Copper)
เป็นโลหะโบราณอีกชนิดหนึ่งที่ยังคงนำมาใช้จนถึงในยุคปัจจุบัน ทองแดงบริสุทธิ์จะมีสีส้มมันวาว เป็นโลหะที่มีความเหนียวสูง (Highly Ductile) และมีความสามารถในการขึ้นรูปได้เป็นอย่างดี (Highly Malleable) ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ทองแดงนิยมนำไปทำเครื่องประดับ
8.แมกนีเซียม (Magnesium)
เป็นโลหะที่มีน้ำหนักเบา เบากว่าอลูมิเนียม และแม้ว่าจะมีน้ำหนักเบาแต่แมกนีเซียมเป็นโลหะที่มีความแข็งแรงค่อนข้างมาก สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมหนักได้ (Heavy-Duty Applications) ข้อเสียของโลหะแมกนีเซียม คือ กัดกร่อนได้ง่าย
9.ทองเหลือง (Brass)
เป็นโลหะผสม (Alloy) ระหว่างทองแดง (Copper) กับสังกะสี (Zinc) อัตราส่วนระหว่างธาตุทั้งสองชนิดขึ้นอยู่กับคุณสมบัติเชิงกลและไฟฟ้าที่ต้องการ (Mechanical and Electrical Properties)
10.สัมฤทธิ์ (Bronze)
เป็นโลหะทองแดงชนิด (Alloy of Copper) จุดที่บอกถึงความแตกต่างระหว่างโลหะสัมฤทธิ์กับเหล็กกล้า (Steel) คือ สัมฤทธิ์เป็นโลหะที่มีดีบุก (Tin) เป็นส่วนประกอบ ส่วนเหล็กกล้ามีสังกะสี (Zinc) เป็นสารผสม อย่างไรก็ดี สัมฤทธิ์มีองค์ประกอบของเหล็กกล้า 12% ทำหน้าที่ให้ความแข็ง (Hardness) และความเหนียว (Tenacity) ที่จริงโลหะสัมฤทธิ์มีคุณสมบัติทางกายภาพและเชิงกลที่แข็งแรงกว่าทองแดงบริสุทธิ์ (Pure Copper)
11.ไทเทเนียม (Titanium)
เป็นหนึ่งใน 10 โลหะที่มีมากที่สุดบนโลก อย่างไรก็ดีปริมาณที่มากของไทเทเนียมไม่ได้ทำให้ไทเทเนียมเป็นโลหะราคาถูก ตรงกันข้ามเป็นโลหะที่มีราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากกรรมวิธีที่ใช้ในการปรับปรุง (Refinement) ไทเทเนียมมีคุณสมบัติของความแข็งแรงต่อน้ำหนักในระดับสูง (High Strength to Weight Ratio) ซึ่งเป็นเหตุผลที่นิยมใช้ในการผลิตชิ้นส่วนของเครื่องบิน และยังเป็นโลหะที่มีคุณสมบัติสามารถเข้ากับเนื้อเยื่อของร่างกายมนุษย์ได้เป็นอย่างดี (Biocompatible Metal)
12.สังกะสี (Zinc)
เป็นโลหะที่ได้รับความนิยมนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ เพราะสามารถดัดแปลงได้อย่างหลากหลาย สังกะสีเป็นโลหะที่ผลิตด้วยวิธีการย่างแร่ซัลไฟด์ (Sulfide Ores) จากนั้นนำผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการย่างแร่ (Resultant Product) ไปแช่ในกรดซัลฟูริกหรือกรดกำมะถัน (Sulfuric Acid) คุณสมบัติของสังกะสี คือ มีจุดเดือดต่ำ (Low Melting Point) ทำให้สังกะสีสามารถหล่อได้ง่าย (Cast) นำไปใช้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายด้วยการหลอมละลาย (Melting) และด้วยการพิมพ์ (Molding)
13.นิกเกิล (Nickel)
เป็นโลหะอีกชนิดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เพราะสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้มากมาย หนึ่งในนั้น คือ การผลิตเหล็กกล้า (Steel) นิกเกิลมีความสำคัญที่ช่วยให้เหล็กกล้ามีความแข็ง (Hardness) และคงทน (Toughness) และยังช่วยให้เหล็กกล้าทนทานหรือต้านทานการกัดกร่อนเป็นอย่างดี
14.ตะกั่ว (Lead)
เป็นโลหะที่ได้รับความนิยมอีกชนิด คุณสมบัติของตะกั่ว คือ มีความอ่อนนุ่ม (Softness) และความสามารถในการขึ้นรูป (Malleability)
>>> จบกันไปแล้วสำหรับเนื้อหาที่เรานำเสนอวันนี้ และครั้งต่อไปเราจะนำเสนอเรื่องใด สามารถติดตามพวกเราได้หรือเยี่ยมชมและรับข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่
Facebook : FACTORIPRO
Youtube : FACTORIPRO
Website : www.FactoriPro.com
Facebook : FACTORIPRO
Youtube : FACTORIPRO
Website : www.FactoriPro.com
เพิ่มเพื่อน - ติดต่อสอบถาม
Line : @FACTORIPRO
Line : @FACTORIPRO