10 วิธีการดูแลสปริงเกอร์
Tags: สปริงเกอร์, sprinklers
10 วิธีการดูแลสปริงเกอร์
10 วิธีการดูแลสปริงเกอร์
1.ทำความสะอาดสปริงเกอร์หลังการใช้งานโดยล้างด้วยน้ำสะอาด
2.ตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ภายในสปริงเกอร์
3.หากมีการใช้งานเป็นเวลานานแล้ว ควรเปลี่ยนชุดฉีดน้ำเป็นชุดใหม่
4.หากไม่ได้มีการใช้งาน ควรจัดเก็บหัวสปริงเกอร์ในที่แห้ง
5.ควรตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนการใช้งานทุกครั้ง
6.ในระบบการให้น้ำนั้น ควรใช้น้ำหรือสารเคมีที่เหมาะสมกับสปริงเกอร์
7.ไม่ควรปล่อยสปริงเกอร์ไว้โดยไม่ใช้งานนานเกินไป
8.ควรใช้น้ำที่มีคุณภาพดีเท่านั้น
9.นอกจากหัวจ่ายของสปริงเกอร์
10.หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีความเข้มข้นสูง
สปริงเกอร์เป็นอุปกรณ์ที่สำหรับมากในระบบการเกษตรจนไปถึงสวนหย่อม เพราะเป็นให้น้ำเพื่อความชุ่มชื่นแก่ต้นไม้ของเรา และ สามารถช่วยลดอุณหภูมิลงได้ด้วย นอกการจากใช้งานแล้วนั้น การดูแลสปริงเกอร์นั้น เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามไป ซึ่งวิธีการดูแลนั้นง่ายมาก วันนี้ FactoriPro จะมานำเสนอวิธีการดูแลสปริงเกอร์ 10 วิธี
1.ทำความสะอาดสปริงเกอร์หลังการใช้งานโดยล้างด้วยน้ำสะอาด เพื่อล้างคราบสารเคมีหรืออุปกรณ์ที่ติดมากับสปริงเกอร์ โดยอาจเปิดน้ำล้างตะกอนต่าง ๆ หรือใช้เครื่องกรองน้ำเข้ามาช่วยในการกรองสิ่งสกปรกที่อาจตกค้างในระบบท่อได้
2.ตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ภายในสปริงเกอร์ โดยเช็คช่องท่อน้ำว่ามีการอุดตันหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบช่วงท่อส่งที่อาจสึกหรอ
3.หากมีการใช้งานเป็นเวลานานแล้ว ควรเปลี่ยนชุดฉีดน้ำเป็นชุดใหม่ เพื่อให้น้ำที่ออกมานั้นมีความสะอาดและหัวจ่ายน้ำเองก็สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่เกิดการอุดตันหรือทำงานได้ไม่ดี เพราะหากหัวจ่าย จ่ายน้ำได้ไม่ดีก็อาจจะส่งผลต่อระบบส่วนอื่น ๆ ด้วย
4.หากไม่ได้มีการใช้งาน ควรจัดเก็บหัวสปริงเกอร์ในที่แห้ง และจัดเก็บอยู่ในที่ที่ปลอดภัย โดยระวังไม่จัดเก็บในที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือมีความชื้นมากเกินไป
5.ควรตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนการใช้งานทุกครั้ง โดยเช็คว่าหัวฉีดมีสภาพดีและเหมาะสมกับการใช้งานหรือไม่ สามารถกระจายน้ำได้อย่างเต็มที่หรือการหมุนของหัวจ่ายทำได้ดีหรือไม่
6.ในระบบการให้น้ำนั้น ควรใช้น้ำหรือสารเคมีที่เหมาะสมกับสปริงเกอร์ เพื่อป้องกันการเกิดการกัดกร่อน หรือทำลายอุปกรณ์ภายในระบบสปริงเกอร์
7.ไม่ควรปล่อยสปริงเกอร์ไว้โดยไม่ใช้งานนานเกินไป ยิ่งในภาคการเกษตรที่เกษตรกรใช้สปริงเกอร์สำหรับการฉีดสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ควรใช้สารเคมีเมื่อเห็นว่ามีศัตรูพืชหรือโรคพืชเข้ามาทำลายแล้ว และไม่ควรใช้สารเคมีเกินกว่าที่จำเป็น เพราะอาจทำให้สปริงเกอร์เสียหายได้
8.ควรใช้น้ำที่มีคุณภาพดีเท่านั้น โดยควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแหล่งน้ำที่มีสารเคมีหรือสิ่งปนเปื้อนอื่น ๆ เพราะอาจทำให้สปริงเกอร์เสียหายได้
9.นอกจากหัวจ่ายของสปริงเกอร์ ควรตรวจสอบระบบการเชื่อมต่อของท่อน้ำและสายยางของสปริงเกอร์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำหรือสารเคมีที่อาจเกิดขึ้นได้
10.หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีความเข้มข้นสูง การใช้สารเคมีที่มีความเข้มข้นสูงอาจส่งผลกระทบต่อสปริงเกอร์ได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น การทำลายหรือโครงสร้าง ส่งผลให้สปริงเกอร์เสียหาย หรือแตกหักได้ง่ายขึ้น ทั้งยังส่งผลต่อสุขภาพของพืชพรรณ และอาจนำไปสู่การส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ในอนาคต
>>> จบกันไปแล้วสำหรับเนื้อหาที่เรานำเสนอวันนี้ และครั้งต่อไปเราจะนำเสนอเรื่องใด สามารถติดตามพวกเราได้หรือเยี่ยมชมและรับข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่
Facebook : FACTORIPRO
Youtube : FACTORIPRO
Website : www.FactoriPro.com
Facebook : FACTORIPRO
Youtube : FACTORIPRO
Website : www.FactoriPro.com
เพิ่มเพื่อน - ติดต่อสอบถาม
Line : @FACTORIPRO
Line : @FACTORIPRO